September 09, 2025
ในปัจจุบัน “ข้อมูลส่วนบุคคล” เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจ เพราะทำให้ธุรกิจสามารถเสนอขายสินค้าและบริการที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้าแต่ละรายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกันหากธุรกิจใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวจนก่อให้เกิดความรำคาญและเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล ธุรกิจนั้นย่อมมีความเสี่ยงที่จะต้องรับผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act - PDPA) ได้
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ธุรกิจละเมิดความเป็นส่วนตัว และทำให้ธุรกิจจัดการข้อมูลอย่างเหมาะสม การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA (PDPA Audit) เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรของคุณกำลังปฏิบัติตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดอยู่หรือไม่ โดย PDPA Audit จะช่วยตรวจสอบ ระบุความเสี่ยง ตรวจจับช่องโหว่ในการจัดการข้อมูล และรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบ PDPA
ในบทความนี้ เราจะนำเสนอ “คำแนะนำ” โดยละเอียดทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ภายในองค์กรของคุณ
การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA (PDPA Audit) เป็นกระบวนการภายในที่องค์กรจะประเมินนโยบาย กระบวนการ และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA
การตรวจสอบนี้ช่วยระบุส่วนงานที่องค์กรยังไม่ได้แก้ไขให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA และชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ที่อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลหรือบทลงโทษจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
โดยทั่วไปแล้ว PDPA Audit จะครอบคลุมวงจรชีวิตของข้อมูลทั้งหมด (data lifecycle) ตั้งแต่การเก็บรวบรวมไปจนถึงการประมวลผล การใช้งาน การเปิดเผย และการลบหรือทำลาย
เป้าหมายสูงสุดคือเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการจัดการอย่างถูกกฎหมาย ปลอดภัย และโปร่งใส สอดคล้องกับหลักการของกฎหมาย PDPA
การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA อาจส่งผลให้เกิดบทลงโทษร้ายแรง รวมถึงค่าปรับจำนวนมหาศาลและความเสียหายต่อชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ข้อมูลรั่วไหล การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA จะช่วยให้องค์กรของคุณ
หลีกเลี่ยงบทลงโทษ: การทำ PDPA Audit จะช่วยระบุส่วนงานที่ธุรกิจของคุณยังไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ได้อย่างครบถ้วน และหาทางแก้ไขข้อบกพร่องนั้นก่อนที่จะนำไปสู่การถูกปรับ หรือถูกฟ้องร้องได้
ลดความเสี่ยง: การทำ PDPA Audit จะทำให้เห็นถึงช่องโหว่ของข้อมูล เพื่อให้องค์กรนำมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่รัดกุมยิ่งขึ้นมาใช้ และลดความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูล
สร้างความไว้วางใจจากลูกค้า: การทำ PDPA Audit จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องข้อมูล และช่วยสร้างความไว้วางใจกับลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เสริมสร้างความสัมพันธ์และยกระดับชื่อเสียงขององค์กร
รักษาความสามารถในการแข่งขัน: ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมักจะได้รับความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ บริการทางการเงิน และอีคอมเมิร์ซ ซึ่งความไว้วางใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
การทำ PDPA Audit ต้องอาศัยการวางแผนและการดำเนินการอย่างรอบคอบ ขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น
ขั้นตอนแรกของการทำ PDPA Audit คือ การจัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจเพื่อจัดการกระบวนการนี้ ทีมงานควรประกอบด้วย:
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO): หากองค์กรของคุณมี DPO ที่ได้รับการแต่งตั้ง DPO ควรเป็นผู้นำกระบวนการตรวจสอบ เนื่องจากมีหน้าที่ดูแลนโยบายการคุ้มครองข้อมูล
ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT และความปลอดภัย: สมาชิกในทีมเหล่านี้จะทำหน้าที่ประเมินด้านเทคนิคของความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูล
ตัวแทนฝ่ายกฎหมายและการกำกับดูแล: ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจะช่วยให้การตรวจสอบสอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA
ตัวแทนจากแผนกที่สำคัญ: บุคลากรจากแผนกที่ต้องจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายการเงิน ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายการตลาดและการบริการลูกค้า ควรมีส่วนร่วมด้วย
การมีทีมงานที่ครอบคลุมจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกแง่มุมของการเก็บรวบรวม ประมวลผล และจัดเก็บข้อมูลจะได้รับการประเมินอย่างถี่ถ้วน
เมื่อทีมตรวจสอบของคุณพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการระบุจุดสัมผัสข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร ซึ่งรวมถึงการทำแผนที่ว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกรวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และแบ่งปันที่ใดบ้าง พื้นที่สำคัญที่ต้องพิจารณา ได้แก่:
จุดเก็บรวบรวมข้อมูล: ระบุว่ามีการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากที่ใดบ้าง (เช่น เว็บไซต์ อีเมลแอปพลิเคชันบนมือถือ หรือการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์) และมีการเก็บข้อมูลประเภทใดบ้าง
ระบบจัดเก็บข้อมูล: ระบุว่ามีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ที่ใด เช่น ตู้จัดเก็บเอกสาร แพลตฟอร์มคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ ระบบต่างๆ
การประมวลผลข้อมูล: ตรวจสอบว่ามีการประมวลผลและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กรอย่างไร เช่น ข้อมูลอาจถูกนำไปใช้เพื่อการตลาด การบริการลูกค้า หรือการจ่ายเงินเดือน
การถ่ายโอนข้อมูล: ตรวจสอบการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างองค์กรของคุณกับบุคคลที่สาม (เช่น ผู้ขาย คู่ค้า หรือผู้รับเหมา) เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎหมาย PDPA
การสร้างแผนภาพการไหลของข้อมูล (data flow diagram) สามารถช่วยให้เห็นภาพรวมว่าข้อมูลเคลื่อนที่ผ่านองค์กรของคุณอย่างไร และช่วยระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนได้
ตามกฎหมาย PDPA ธุรกิจจำเป็นต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลก่อนที่จะรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา การทำ PDPA Audit ในขั้นตอนนี้ควรพิจารณาว่าองค์กรของคุณจัดการความยินยอมอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA
คำขอความยินยอม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำขอความยินยอมนั้นชัดเจน เจาะจง และเข้าใจง่าย ควรมีการระบุรายละเอียดว่ามีการเก็บข้อมูลอะไรบ้าง จะนำไปใช้อย่างไร และจะมีการแบ่งปันกับใครบ้าง
การจัดทำเอกสาร: ตรวจสอบว่าได้มีการจัดทำเอกสารความยินยอมอย่างเหมาะสม และองค์กรสามารถแสดงหลักฐานการยินยอมได้หากมีการร้องขอ เอกสารเหล่านี้ควรถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้ง่าย
กลไกการยกเลิกความยินยอม (Opt-Out): ตรวจสอบว่าเจ้าของข้อมูลสามารถเพิกถอนความยินยอมหรือเลือกที่จะไม่ให้มีการเก็บข้อมูลได้ตลอดเวลา ทบทวนกระบวนการของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ามีการดำเนินการตามคำขอยกเลิกความยินยอมอย่างรวดเร็ว
ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเสาหลักสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA การทำ PDPA Audit ควรประเมินประสิทธิผลของมาตรการคุ้มครองข้อมูลในปัจจุบัน เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการจัดเก็บอย่างปลอดภัยและได้รับการป้องกันจากการรั่วไหล ประเด็นที่ต้องประเมิน ได้แก่:
การเข้ารหัส (Encryption): พิจารณาว่ามีการเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคลทั้งในระหว่างการส่งและขณะที่อยู่ในระบบหรือไม่ เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
การควบคุมการเข้าถึง (Access Control): ทบทวนมาตรการควบคุมการเข้าถึงเพื่อให้แน่ใจว่าเฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งรวมถึงการควบคุมการเข้าถึงตามบทบาทหน้าที่ (role-based access controls) และหลักการให้สิทธิน้อยที่สุด (principle of least privilege)
ระเบียบการรับมือข้อมูลรั่วไหล (Data Breach Protocols): ตรวจสอบว่าองค์กรของคุณมีระเบียบการที่ชัดเจนในการรับมือกับข้อมูลรั่วไหล ซึ่งควรรวมถึงขั้นตอนการแจ้งเตือนเจ้าของข้อมูลที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมาย PDPA กำหนด
ความปลอดภัยของบุคคลที่สาม (Third-Party Security): หากองค์กรของคุณมีการแบ่งปันข้อมูลกับผู้ให้บริการที่เป็นบุคคลที่สาม ให้ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PDPA และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ
กฎหมาย PDPA กำหนดให้ธุรกิจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เท่าที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ที่ได้มีการเก็บรวบรวมเท่านั้น หลังจากนั้นต้องลบหรือทำให้เป็นข้อมูลนิรนามอย่างปลอดภัย การทำ PDPA Audit ควรทบทวนนโยบายการเก็บรักษาและการลบข้อมูลของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎหมาย ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณ:
ระยะเวลาการเก็บรักษา: ตรวจสอบว่ามีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น และตารางการเก็บรักษาข้อมูลของคุณสอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อกำหนดทางธุรกิจ
การลบข้อมูลอย่างปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการลบข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัยเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ซึ่งรวมถึงข้อมูลดิจิทัล (เช่น การลบไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์) และข้อมูลทางกายภาพ (เช่น การทำลายเอกสารด้วยเครื่องทำลายเอกสาร)
การทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม (Anonymization): ในกรณีที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติหรือการวิจัย ให้ตรวจสอบว่าข้อมูลดังกล่าวได้รับการทำเป็นข้อมูลนิรนามเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล
หากองค์กรของคุณมีการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ให้บริการที่เป็นบุคคลที่สาม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าพวกเขาสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ได้เฉกเช่นเดียวกัน การทำ PDPA Audit นี้ควรรวมถึงการทบทวนข้อตกลงกับผู้ให้บริการและการประเมินมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่พวกเขาใช้ ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ ได้แก่:
สัญญาของผู้ให้บริการ: ทบทวนสัญญาที่ทำกับผู้ให้บริการที่เป็นบุคคลที่สาม เพื่อให้แน่ใจว่ามีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองข้อมูลที่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA
ระเบียบการแบ่งปันข้อมูล: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการปฏิบัติตามแนวทางการแบ่งปันข้อมูลที่ปลอดภัย และเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นสำหรับบทบาทของพวกเขาเท่านั้น
การตรวจสอบบุคคลที่สาม: ทำการตรวจสอบผู้ให้บริการหลักบางราย เพื่อประเมินว่าพวกเขาปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA และมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลหรือไม่
หลังจากเสร็จสิ้นการทำ PDPA Audit ทีมของคุณควรจัดทำเอกสารผลการตรวจสอบ โดยระบุถึงประเด็นที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือจุดอ่อนที่พบ จากผลการตรวจสอบนี้ ให้จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ไขช่องว่างและปรับปรุงแนวทางการคุ้มครองข้อมูลขององค์กร แผนปฏิบัติการควรประกอบด้วย:
การดำเนินการเร่งด่วน: ระบุประเด็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขทันที เช่น ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย หรือเอกสารการยินยอมที่ขาดหายไป
การปรับปรุงระยะยาว: วางแผนการปรับปรุงแนวทางการคุ้มครองข้อมูลในระยะยาว เช่น การปรับปรุงนโยบาย การลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกอบรมพนักงาน
การติดตามอย่างต่อเนื่อง: กำหนดขั้นตอนสำหรับการติดตามอย่างต่อเนื่องและการตรวจสอบเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรของคุณจะยังคงปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA อยู่เสมอ
บทสรุป
ในยุคที่ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็น “สินทรัพย์สำคัญ” ของธุรกิจ การจัดการข้อมูลอย่างไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ความเสี่ยง ทั้งด้านกฎหมายและความเชื่อมั่นของลูกค้า การทำ PDPA Audit จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรตรวจสอบช่องโหว่ ลดโอกาสการละเมิด และยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างรอบด้าน
หากคุณไม่อยากเสี่ยงกับค่าปรับสูงและภาพลักษณ์องค์กรที่เสียหาย เลือกใช้บริการ PDPA Core พร้อมช่วยคุณ Audit ครบทุกขั้นตอน ล็อกความปลอดภัยให้องค์กรคุณ
ให้คำปรึกษาและดำเนินการ
ให้ธุรกิจของคุณ สอดคล้องกับ PDPA
บริษัท เดต้า ว้าว จำกัด
7 อาคารซัมเมอร์ พอยท์ ชั้นที่ 2 ซอยสุขุมวิท 69
แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย